หลักเกณฑ์การให้ทุนช่วยเหลือทางด้านวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ครั้งที่ 28 พ.ศ. 2564
1. วัตถุประสงค์
เพื่อสนับสนุนอาจารย์ และ/หรือนักวิจัยที่กำลังค้นคว้าหรือมีโครงการในการค้นคว้างานที่เป็นรากฐานอันจะอำนวยประโยชน์ให้แก่การพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทย โดยเฉพาะในสาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี และวิศวกรรมศาสตร์ ยกเว้นคณิตศาสตร์และแพทยศาสตร์คลินิก โดยในปีนี้มูลนิธิฯ จะเน้นให้ความสำคัญกับงานวิจัยทางเคมีที่นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ผู้ขอรับทุนจะต้องเป็นอาจารย์/นักวิจัยที่มีประวัติความสำเร็จในผลงาน เป็นที่ยอมรับของบุคคลในวงการนั้นๆ เป็นอย่างดี หรือมีศักยภาพที่จะพัฒนาความรู้ความสามารถให้เป็นที่ยอมรับในสาขานั้นๆ ในอนาคต
2. ขอบเขตการสนับสนุน
เงินทุนที่ให้จะให้การสนับสนุนเรื่องค่าตอบแทนแก่ผู้ทำการวิจัยและผู้ช่วยวิจัยในโครงการเป็นหลัก และส่วนหนึ่งจะให้การสนับสนุนการเดินทางไปเสนอผลงานวิจัยในต่างประเทศรวมทั้งการเผยแพร่ผลงาน บางส่วนอาจให้เป็นค่าใช้จ่าย เช่น ค่าวัสดุในการดำเนินการวิจัย ทั้งนี้โครงการที่เสนอเพื่อขอรับการสนับสนุนจากมูลนิธิฯ ควรเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนวิจัยจากแหล่งทุนอื่นอยู่แล้ว โดยการสนับสนุนจากมูลนิธิฯ ถือเป็นการสนับสนุนโครงการวิจัยนั้นๆ เพิ่มเติมในบางส่วนเท่านั้น
3. ผู้มีสิทธิสมัคร
อาจารย์หรือนักวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนหรือนักวิจัยในสถาบันวิจัยของรัฐและรัฐวิสาหกิจในประเทศไทยที่ต้องการค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสาขาที่กล่าวข้างต้นโดยบุคคลที่สมัครต้องมีสัญชาติไทยและปฏิบัติงานวิจัยในประเทศไทย
4. เกณฑ์การพิจารณา
- 4.1 งานวิจัยจะต้องเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและต่อการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ ในสาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี และวิศวกรรมศาสตร์ และเป็นงานวิจัยที่มีศักยภาพสูงในการตอบความท้าทายของโลกปัจจุบันและในอนาคต (ดูตัวอย่างโครงการที่เคยได้รับทุนในปีก่อนๆ ได้ที่ www.ttsf.or.th) (ในปีนี้มูลนิธิฯ จะเน้นให้ความสำคัญกับงานวิจัยทางเคมีที่นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์)
- 4.2 วิธีการและแผนงานวิจัยถูกต้องและเหมาะสมตามแบบแผน เป็นที่ยอมรับในสาขาวิชานั้นๆ
- 4.3 ผู้วิจัยจะต้องเป็นผู้มีประวัติความสำเร็จในผลงานเป็นที่ยอมรับของบุคคลในวงการนั้นๆเป็นอย่างดี และ/หรือมีศักยภาพที่จะพัฒนาความรู้ความสามารถในสาขาของงานให้เป็นที่ยอมรับในวงการต่อไป อีกทั้งมีศักยภาพที่จะผลิตนักวิจัยรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพในสาขานั้นๆ ได้
- 4.4 ข้อเสนอโครงการต้องระบุชัดเจนถึงประเด็นปัญหาหรือที่มาที่นำมาสู่การวิจัยในเรื่อง/หัวข้อที่เสนอ โดยมีการอ้างอิงถึงงานวิจัยที่ได้มีการทำมาแล้วหรือที่มีผู้อื่นกำลังทำอยู่ในเรื่องนั้นๆ ด้วย รวมทั้งระบุชัดเจนถึงสิ่งที่จะได้รับจากงานวิจัยนี้ว่าจะมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวหรือมีส่วนที่ทำให้เข้าใจถึงสิ่งที่เป็นปัญหาหรือเป็นที่สงสัยนั้นได้ถ่องแท้ขึ้นอย่างไร ชื่อโครงการควรกะทัดรัดและสื่อถึงเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญของงานวิจัยที่ทำ
- 4.5 โครงการที่เสนอขอรับทุนช่วยเหลือการวิจัยจากมูลนิธิฯ ควรได้รับการสนับสนุนเงินทุนวิจัยหลักจากแหล่งทุนอื่นอยู่แล้ว
- 4.6 สถาบันต้นสังกัดของผู้ที่ได้รับเงินทุนช่วยเหลือการวิจัยจากมูลนิธิฯ มีการกระจายตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์อย่างเหมาะสม
5. ผลงานที่คาดหวัง
- 5.1. การตีพิมพ์ผลงานในวารสารนานาชาติที่อยู่ในฐานข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) หรือ
- 5.2. การเสนอผลงานในการประชุมระดับนานาชาติที่เป็นที่ยอมรับ หรือ
- 5.3. มีการนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์หรือเชิงสาธารณประโยชน์ หรือ
- 5.4. สิทธิบัตร หรือ
- 5.5. การผลิตนักวิจัยรุ่นใหม่ ในรูปของบัณฑิตระดับปริญญาโท/เอก
6. การประเมินผลสำเร็จ
จะพิจารณาจากผลงานของนักวิจัยผู้ได้รับทุนในรูปแบบต่างๆ ตามที่ระบุในข้อ 5.
7. จำนวนเงินอุดหนุน
ทุนนี้จะให้การสนับสนุนรายละไม่เกิน 400,000 บาท ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นกับขอบเขตงานของโครงการโดยจะมีจำนวนทุนทั้งสิ้นประมาณ 15-20 ทุนต่อปี ในกรณีที่เป็นโครงการที่ใช้ระยะเวลามากกว่า 1 ปี จะได้รับการพิจารณาปีต่อปีโดยนักวิจัยจะต้องทำข้อเสนอเพื่อขอรับทุนใหม่ทุกปี
8. กำหนดการรับสมัคร
สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ >> ทุนช่วยเหลือทางด้านวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผู้สนใจยื่นใบสมัครได้ที่ :
ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์
ประธานคณะกรรมการเงินทุนช่วยเหลือทางด้านวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มูลนิธิโทเรเพื่อการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ ประเทศไทย
ฝ่ายเลขานุการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เลขที่ 73/1 ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
Tel : 02 564 7000 ต่อ 81815
Fax : 02 644 8134
(วงเล็บมุมซอง “ข้อเสนอโครงการเพื่อรับเงินทุนวิจัย มูลนิธิโทเรฯ”)